เด็กชายปลายนาฟ้าสวย
ต้นไม้คล้ายม้วยยืนอยู่
ข้างทางกลางนาน่าดู
ข้าวกล้าเริ่มชูช่องาม
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
คุณยายเก็บเห็ดขาย...
ปิดเทอมภาคเรียนที่ 1/2553 ช่วงกลางเดือนตุลาคม
ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านคุณครูอ้อมร่วมกับครูเอกและน้องก้อย การเดินทางลำบากมาก เพราะเป็นช่วงฤดูฝน หนทางเป็นหลุมเป็นบ่อ เกิดโคลนเต็มท้องถนนที่เราขับรถผ่าน
พอไปเราขับรถไปถึงทางผ่านที่มีทุ่งหญ้าเขียวขจี เราได้พบกับคุณยาย 2 ท่าน ถือตะกร้าเห็ดเดินผ่านมา พวกเราจึงขอซื้อเห็ดป่าสดๆ จากทั้ง 2 ท่าน อย่างเป็นกันเองคุณยายขายเห็นให้พวกเราราคา 110 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับท้องตลาด ซึ่งคุณยายท่านหนึ่งให้เหตุผลว่า "พอยายเห็นหน้าพวกพ่อหนุ่ม ยายคิดถึงลูกๆ ของยาย ที่ทำงานอยู่ กทม. อยากให้ลูกยายได้กินเห็ดเหล่านี้" พร้อมน้ำตาคลอ"
วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เมื่อก่อนนั้น...
จักรพรรดิเฉียนหลงผู้ซึ่งนิยมต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เดินทางมาถึง อารามจินซัน ริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ในขณะที่อยู่บนอารามจินซัน ท่านได้มองลงไปยังแม่น้ำแยงซีเกียง เห็นเรือแจวข้ามไปมาสองฝั่งมากมาย..
ท่านจึงได้เอ่ยถามหลวงพ่อหวงป๋อฉันซือว่า “ในหนึ่งวัน เรือที่แจวข้ามฝากไปมานี้ มีอยู่ประมาณเท่าไหร่? ”
“ มีเพียง 2 ลำ ”
“ เหตุใดจึงมีแค่ 2 ลำ เรือแจวที่ผ่านไปมามิใช่มีมากมายดอกหรือ? ” จักรพรรดิเฉียนหลงตรัสถามกลับไปอย่างสงสัย
“ เรือที่แจวผ่านไปมาทุกวันนั้น มีเพียง 2 ชนิด ลำหนึ่งก็เพื่อชื่อเสียงผลประโยชน์ อีกลำหนึ่งก็เพื่อทรัพย์สินเงินทอง ! ”
เรือที่ข้ามฝากไปมา ก็มิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือซื่อเสียงทรัพย์สินหรอกหรือ กับปัจจุบันยุคที่เราเรียกกันว่าโลกาภิวัตน์หรือจะแตกต่างกับเรือที่แจวอยู่ในแม่น้ำแยงซีเกียง สมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
ตะวัน...
การกลับมาของดวงตะวัน บ่งบอกถึงอรุณแห่งวันใหม่
การลาจากของแสงตะวัน บ่งบอกถึงวันนี้กำลังจะจาลา..
ทุกสรรพสิ่งย่อมมีเริ่มต้นและดับไป
การยึดติดกับอะไรบางอย่าง จะทำให้เราลงลืมอะไรไปบางอย่าง
การปล่อยว่างก็มิใช่ทางออกเสมอไป..
มีความสุขกับปัจจุบัน สำคัญที่สุดแล้วชีวิตนี้...
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ความว่างเปล่า...
นักปรัชญาคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงคือ ภาพลวงตาทุกสิ่งไร้การเปลี่ยนแปลง..
เขาคนนี้เกิดที่เมืองเอเลียมีอายุอยู่ในช่วง พ.ศ. 28 – 93 เขาชอบแสดงแนวคิดทางปรัชญาออกมาเป็นบทกวี เมื่อเขาอายุ 65 ปี เขาได้เดินทางไปกรุงเอเธนส์และได้คุยกับนักปรัชญาหนุ่มนามว่า โสคราตีส ด้วยมุมคิดทางปรัชญาของเขามีว่า.. ทุกสิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงจริงหรอก ในความว่างเปล่าก็จะมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น...
ในความเป็นนายดำวันนี้ไม่ได้เกิดมาจากนายดำเมื่อวันวาน เพราะตัวนายดำก็ยังเป็นคนคนเดิมคนเดียวอยู่ทั้งสองวัน
เหมือนเราเฝ้าเพ่งมองดูดอกกุหลาบ
แล้วถามว่า.. อะไรเป็นแก่นแท้ของมัน..
ตอบว่า.. สีแดงหรือก็ไม่ใช่ เพราะไม่กี่วันมันก็เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เป็นแก่นต้องติดอยู่กับดอกกุหลาบตลอดกาล...
ดังนั้น ความมีอยู่ ความเป็นแก่นหรือภาวะจึงเป็นลักษณะเดียวกันและประจำอยู่ในดอกกุหลาบตราบนิจนิรันดร์ แม้ทุกสิ่งก็เป็นอย่างนี้..
ดังนั้นธาตุแท้หรือแก่นแท้ของทุกสิ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยเหมือนความจริงสูงสุดเป็นสิ่งมีอยู่เป็นภาวะที่ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนพระเจ้าแล้วปฐมธาตุของทุกสิ่งคืออะไร...
เขาตอบว่า.. คือภาวะ ( Being ) ตรงกันข้ามกับ (Non – being)
ถามว่า.. แล้วเราจะรู้ความจริงได้อย่างไร?
เขาตอบว่า.. รู้ได้ด้วยการใช้เหตุผล ( Reason ) คือความจริงเรารู้ได้ด้วยเหตุผล..
ถามว่า..แล้วที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงละ..
เขาตอบว่า..เป็นเพราะประสาทสัมผัส ( Senses ) ให้การรับรู้ที่ผิดแท้ที่จริงสิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงภาพลวงตาดอกนะ..
และเขาคือนักปรัชญาที่ชื่อว่า..ปาร์มีนิเดส( Parmenides ) จากมุมคิดของเขาจึงกลายมาเป็นบ่อเกิดปรัชญาแห่งจิตนิยม ( Idealism ) ในกาลต่อมา...
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
แม่ครับ! ผมขอโทษ...
ยามที่แม่สั่งสอนพร่ำวอนลูก
เรื่องผิดถูกลูกก็ว่าแม่จู้จี้..
.ต่อเมื่อลูกเติบใหญ่จึงได้ดี
เพราะคำที่แม่พูดไว้ไม่ผิดคำ..
เมื่อยังเด็กลูกไม่เห็นคุณค่าแม่
เป็นบาปแท้ที่ลูกเถียงแม่เช้าค่ำ..
.
ลูกกระทำความผิดนี้ประจำ
.
ลูกกระทำความผิดนี้ประจำ
ขอกล่าวคำขอโทษโปรดอภัย...
วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Copyright © 2009-2010 ร่วมแลกเปลี่ยนกับเรา poryuporkin@gmail.com