เดียวนี้คนเราไม่ค่อยมีสติ ความรู้ก็ไม่มาช่วยเพราะไม่มีสติที่จะขนเอาความรู้มาช่วยแก้ปัญหาหรือมาช้าไปบ้างก็แก้ไม่ได้ หรือมาผิดแล้วใช้ไปผิดกาลเทศะก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผิดเรื่องผิดราว มันก็ไม่มีประโยชน์
ฉะนั้น ปัญญากับสติต้องไปด้วยกันเสมอ ถ้าไม่มีสติเพียงพอแล้วปัญญาจะเป็นความโง่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เช่นเรื่องที่ "เด็กเล็กๆคนหนึ่งกลืนสตางค์เข้าไปติดคอ แม่ของเด็กก็หล่อน้ำกรดลงไปในคอลูกหวังให้มันกัดสตางค์นั้นให้ละลายไป แล้วมันก็จะหมดปัญหา ซึ่งความจริงแล้วน้ำกรดกัดสตางค์ ได้นั้นเป็นปัญญา แล้วเทลงไปโดยไม่มีสติปัญญาก็เลยกลายเป็นความโง่หรือกลายเป็นอันตราย"
เพราะฉะนั้น เราต้องสนใจพร้อมกันทั้งสองอย่างคือ มีสติและปัญญา เพื่อกำจัดโรคทางวิญญาณ
ถ้ามีความถูกต้องในทางวิญญาณแล้วทางกายและทางจิตจะพลอยถูกต้องด้วย คือ ถ้ามีปัญญาระบบปัญญาถูกต้องไม่มีโรคแล้ว ระบบกาย ระบบจิต ก็พลอยถูกต้องไปด้วย
ดังคำกล่าวที่ว่า...
“ดอกบัวที่กำลังบานชูช่ออยู่เหนือน้ำ เมื่อได้รับแสงสว่างก็จะเบ่งบานในทันใด เปรียบมนุษย์ผู้มีปัญญาสูงสุด เมื่อได้รับคำชี้แนะหรือเมื่อได้รับฟังคำอบรมสั่งสอนจากผู้รู้จริง... ก็จะได้บรรลุถึงปัญญาที่แท้จริง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น